ข่าวดีเกษตรกร! CAAT ไฟเขียว "โดรนเกษตร" ในพื้นที่ควบคุมชายแดน เริ่ม 11 ส.ค. 68 นี้ เช็กเงื่อนไขด่วน!
กระเป๋าตังค์โบรกเกอร์

ข่าวดีเกษตรกร! CAAT ไฟเขียว “โดรนเกษตร” ในพื้นที่ควบคุมชายแดน เริ่ม 11 ส.ค. 68 นี้ เช็กเงื่อนไขด่วน!
เผยแพร่: 9 สิงหาคม 2568
นับเป็นข่าวดีล่าสุดสำหรับภาคเกษตรกรรมของไทย เมื่อสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) ได้ออกประกาศฉบับใหม่ (ฉบับที่ 2) ผ่อนปรนเงื่อนไขการบังคับหรือปล่อยอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ในพื้นที่ที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรสามารถใช้เทคโนโลยีโดรนในการประกอบอาชีพได้สะดวกยิ่งขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งมาตรการด้านความปลอดภัย
ประกาศฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้จริงใน วันจันทร์ที่ 11 สิงหาคม 2568 ที่จะถึงนี้ บทความนี้จะสรุปเงื่อนไขและข้อปฏิบัติที่สำคัญทั้งหมดที่เกษตรกรและผู้บังคับโดรนต้องทราบ
สรุปสาระสำคัญของประกาศฉบับใหม่
ประกาศฉบับนี้เป็นการปรับปรุงข้อบังคับเดิมที่เคยควบคุมการบินโดรนอย่างเข้มงวดในพื้นที่ชายแดนและพื้นที่ความมั่นคง โดยตระหนักถึงความจำเป็นทางเศรษฐกิจของเกษตรกร จึงได้มีการผ่อนปรนให้สามารถใช้ “โดรนเพื่อการเกษตร” ได้ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด
ผู้ได้รับประโยชน์: เกษตรกรและผู้ประกอบการที่ใช้โดรนเพื่อการเกษตรโดยเฉพาะ
วัตถุประสงค์: สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีในภาคเกษตรกรรม ควบคู่กับการรักษาความมั่นคง
วันบังคับใช้: ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป
เช็กลิสต์คุณสมบัติ: ใครบ้างที่สามารถบินได้?
ก่อนทำการบิน ผู้บังคับโดรนต้องมั่นใจว่าตนเองและอากาศยานมีคุณสมบัติครบถ้วนตามนี้:
✅ ทะเบียนต้องครบ: ทั้งผู้บังคับโดรนและตัวโดรนต้องขึ้นทะเบียนกับ CAAT อย่างสมบูรณ์
✅ ใบอนุญาตไม่หมดอายุ: ใบอนุญาตทั้งสองส่วน (ของคนและของโดรน) ต้องยังไม่หมดอายุ
✅ มีใบอนุญาตเฉพาะทาง: ต้องได้รับใบอนุญาตให้ปฏิบัติการบิน “เพื่อการเกษตร” จาก CAAT
✅ ประวัติต้องดี: ผู้บังคับโดรนต้องไม่มีประวัติการฝ่าฝืนกฎหมายการบินหรือถูกเพิกถอนสิทธิ์มาก่อน
กฎการบิน 4 ข้อที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
เมื่อคุณสมบัติครบถ้วนแล้ว ในการปฏิบัติการบินทุกครั้ง จะต้องอยู่ภายใต้กฎ 4 ข้อนี้เท่านั้น
ขอบเขตพื้นที่บิน: สามารถบินได้เฉพาะในพื้นที่เกษตรกรรมของตนเอง หรือในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของที่ดินเท่านั้น
เพดานบินสูงสุด: ห้ามบินสูงเกิน 30 เมตร จากพื้นดิน
ช่วงเวลาที่อนุญาต: อนุญาตให้ทำการบินได้เฉพาะช่วงเวลากลางวัน ระหว่าง 06.00 น. – 18.00 น. เท่านั้น
วัตถุประสงค์การใช้งาน: ต้องเป็นการใช้งานเพื่อการเกษตร เช่น การพ่นปุ๋ย พ่นสารเคมี หรือพ่นน้ำ เท่านั้น ห้ามใช้เพื่อการถ่ายภาพ สำรวจ หรือบรรทุกสิ่งของอื่นใดเด็ดขาด
ขั้นตอนที่สำคัญที่สุด: “การแจ้งเตือนล่วงหน้า 12 ชั่วโมง”
นี่คือเงื่อนไขใหม่ที่สำคัญที่สุดและต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ก่อนทำการบินทุกครั้ง ผู้บังคับโดรนจะต้องแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบล่วงหน้า อย่างน้อย 12 ชั่วโมง ผ่าน 3 ช่องทางต่อไปนี้:
แจ้งผ่านระบบออนไลน์ของ CAAT: ผ่านเว็บไซต์ uasportal.caat.or.th หรือผ่านแอปพลิเคชัน UAS Portal
แจ้งผ่านอีเมลถึงตำรวจ: ส่งอีเมลแจ้งแผนการบินไปที่ antidrone.police@gmail.com ซึ่งเป็นศูนย์ต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
แจ้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่: แจ้ง สถานีตำรวจในท้องที่ หรือ ผู้ใหญ่บ้าน/กำนัน ในพื้นที่ที่จะทำการบินให้รับทราบ
หมายเหตุ: ต้องดำเนินการแจ้งให้ครบทั้ง 3 ส่วน จึงจะถือว่าการแจ้งเตือนสมบูรณ์
ข้อควรระวัง: ตรวจสอบ “พื้นที่ห้ามบินเด็ดขาด”
แม้จะมีการผ่อนปรน แต่ประกาศยังคงระบุ “พื้นที่ห้ามบินเด็ดขาด” (No-Fly Zone) ไว้อย่างชัดเจน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่อ่อนไหว เช่น พื้นที่โดยรอบสนามบิน และที่ตั้งของหน่วยงานความมั่นคง ดังนั้น ผู้บังคับโดรนจำเป็นต้องตรวจสอบพิกัดพื้นที่ของตนเองกับรายชื่อเขตห้ามบินในประกาศฉบับเต็มอีกครั้งหนึ่ง
บทสรุป
การผ่อนปรนครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้เกษตรกรไทยสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีโดรนได้อย่างเต็มศักยภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม อิสระที่เพิ่มขึ้นนี้มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะขั้นตอนการแจ้งเตือนล่วงหน้า เพื่อให้การใช้งานโดรนเกษตรของไทยก้าวไปข้างหน้าอย่างปลอดภัยและยั่งยืน
รายละเอียดเพิ่มเติมด้านล่าง



